📌TopView Ads
โฆษณาที่เราพบเจอได้บ่อยๆ เพราะจะแสดงขึ้นมาแรกๆ หลังจากเปิดแอปขึ้นมา เพราะโฆษณาประเภทนี้จะนำเสนอแบรนด์ให้อยู่ใน Placement หรือตำแหน่งที่จะแสดงโฆษณาที่ดีที่สุดบน TikTok แบบเต็มจอที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานต้องหยุดให้ความสนใจทั้งกับภาพและเสียงอย่างแน่นอน
โดยโฆษณาประเภทนี้เหมาะกับการดึงความสนใจ จำกัดความยาวสูงสุดถึง 60 วินาที แสดงผลแบบเต็มจอ ในรูปแบบของ long-form video และเล่นวิดีโอพร้อมเสียงแบบอัตโนมัติ ที่สำคัญคือปราศจากสิ่งรบกวน เรียกว่าดึงความสนใจของผู้ชมได้เต็ม 100% นอกจากนี้ยังสามารถใส่ ปุ่ม call-to-action ได้เหมือนโฆษณาแบบอื่นๆ และโฆษณาประเภทนี้เป็นอีกหนึ่งทางที่การันตีในเรื่องการเพิ่มยอดการเข้าถึงแน่นอน เนื่องจากผู้ใช้จะเห็นโฆษณาของเราเป็นอันดับแรกๆ ขณะใช้งานแอปอยู่
📌In-Feed Ads
เป็นโฆษณาประเภทที่พบบ่อยเช่นกัน เมื่อผู้ใช้งานไถหน้าฟีดอยู่ในหน้า For You ก็จะเจอโฆษณาแทรกเข้ามาอยู่บ้าง ปนไปกับคอนเทนต์ทั่วไปบนหน้าฟีด เหมาะกับโฆษณาหรือแบรนด์ที่ต้องการเล่าเรื่องในมุมมองแบบครีเอเตอร์ทั่วไปบน TikTok หรือพวกคอนเทนต์รีวิว เป็นต้น
ซึ่งวิดีโอมีความยาวสูงสุดถึง 60 วินาที แต่ความยาวที่ TikTok แนะนำจะอยู่ที่ 9 – 15 วินาที โดยที่วิดีโอจะเล่นอัตโนมัติพร้อมเสียง เหมือนกับวิดีโออื่นๆ บนหน้าฟีดเช่นกัน แต่โฆษณาประเภทนี้ผู้ใช้งานจะยังสามารถเลื่อนผ่านได้อยู่
📌Brand Takeover Ads
เริ่มที่เปิดแอปมา หลายคนคงเคยเจอหน้าโฆษณาของแบรนด์บนหน้า For You กันอยู่บ่อยๆ เรียกว่าเป็นโฆษณาประเภทที่สามารถดึงจุดสนใจของผู้ใช้งานได้แบบทันทีด้วยการแสดงผลแบบเต็มจอ ทำให้ผู้ใช้ได้สัมผัสประสบการณ์ด้าน visual experience กันไปแบบเต็มๆ ซึ่งผู้ใช้สามารถกด Skip โฆษณาได้
นอกจากนี้ยังมีทางเลือกในการสร้างสรรค์โฆษณาได้ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว ซึ่งรองรับทั้งภาพไฟล์ JPG ที่มีความยาว 3 วินาที และวิดีโอที่มีความยาว 3 – 5 วินาทีอีกด้วย และยังสามารถนำผู้ใช้งานไปยังหน้า Hashtag Challenge หรือหน้าเว็บไซต์อื่นที่ลิงก์ไว้ แต่ผู้ใช้งานจะเห็นโฆษณาประเภทนี้เพียงแค่ 1 โฆษณาต่อวันเท่านั้น หมายความว่าคู่แข่งน้อย แต่ราคาก็จะสูงตามไปด้วย
📌Branded Hashtag Challenge Ads
เป็นการให้การสนับสนุนแฮชแท็ก ที่จะทำให้แฮชแท็กนั้นขึ้นไปอยู่บนท็อปของหน้า Discover นับเป็นการโฆษณาอีกหนึ่งประเภทที่เรียกยอด Engagement ได้ไม่น้อย เนื่องจากคอนเทนต์ส่วนใหญ่จะเป็นแนวดึงดูด เชิญชวนให้ผู้ใช้งานมาร่วมสร้างสรรค์หรือแสดงออกถึงอะไรบางอย่างเป็นแคมเปญ และสามารถรวบรวมคอนเทนต์ UGC (User Generated Content) ไว้ในแฮชแท็กบนหน้า Challenge ได้อีกด้วย
เรียกว่าการทำโฆษณาประเภทนี้สร้าง Awareness และเพิ่มยอด Engagement ได้ค่อนข้างมาก เฉลี่ยทั้งยอดไลก์ คอมเมนต์ และแชร์ ของโฆษณาประเภทนี้สูงถึง 8.5% เลยทีเดียว
📌Branded Effects
การโฆษณาประเภทสุดท้าย สำหรับ AR ที่มาแรงในช่วงหลังมานี้ ในแง่ของการโปรโมต หรือการทำโฆษณาก็เช่นเดียวกัน หากแบรนด์สร้างสติกเกอร์ ฟิลเตอร์ หรือ special effect ต่างๆ ออกมาให้ผู้ใช้งานได้ลองเล่นและร่วมสนุก ก็จะแสดงช่วยให้เห็นความสร้างสรรค์ของผู้ใช้งาน และเพิ่มความนิยมให้กับยอดการรับชมแบรนด์ได้อีกด้วย
ซึ่งวิธีการที่สร้างสรรค์และการใช้ visual experience ที่สนุกสนานนี้เข้ามาช่วย จะทำให้ผู้คนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น โดยเฉพาะในยุค camera-first แบบนี้ อีกทั้งยังเป็นการรวมผู้ใช้ทั่วโลก หลากหลายภาษาและวัฒนธรรมให้มาร่วมแคมเปญเดียวกันได้อีกต่างหาก ซึ่งโฆษณาประเภทนี้ก็ช่วยเพิ่มจำนวนคอนเทนต์ UGC (User Generated Content) ที่ผู้ใช้งานมาร่วมสนุกได้ค่อนข้างมากเช่นเดียวกัน